สโมสรแมนยู ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ตั้งอยู่ใน โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ปัจจุบันได้ลงแข่งขันลึกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก โดยมีฉายาสโมสรว่า ปีศาจแดง ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในชื่อ สโมสรฟุตบอลนิวตันฮีดแอลวายอาร์ในช่วงปี 1878 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งในเวลาต่อมาในปี 1902 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พร้อมกับย้ายไปเล่นสนามเหย้าปัจจุบันเช่น โอลด์แทรฟฟอร์ด ในช่วงปี 1910
จึงทำให้ทางแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลอังกฤษที่ชนะ พร้อมทั้งคว้าถ้วยรางวัลมาได้มากที่สุด ซึ่งมีการชนะและได้แชมป์ติดต่อกันถึง 20 สมัย ซึ่งถือว่าเป็น สถิติแมนยู ที่สูงสุดและได้ครองแชมป์เอฟเอคัพ 12 สมัย รวมถึงการแข่งขันลีกคัพที่ได้แชมป์มาหกสมัย อีกทั้งในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคอมมิวนิตีซีลด์ 21 สมัย ก็นับว่าเป็นสถิติสูงสุดอีกเช่นกันสำหรับสโมสรแมนยู พร้อมกับคว้ารางวัลอีกมากมายจนถึงฤดูกาล 1988-99
ได้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของ สโมสรแมนยู ที่ได้คว้าทริปเปิลแชมป์ระดับทวีปยุโรป พร้อมทั้งในช่วงฤดูกาล 2016-17 หลังจากชนะการแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีก ทีมของพวกเขาก็กลายเป็นหนึ่งในห้าสโมสร ที่ชนะการแข่งขันรายการหลักของยูฟ่าครบทั้ง 3 รายการ หากย้อนไปในช่วงปี 1968 ทางแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรแรก ของอังกฤษที่ชนะยูโรเปียนคัพในช่วงที่ แมตต์ บัสบี ได้เข้ามาคุมทีมก่อนที่ผู้จัดการอย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไปพร้อมทั้งสามารถคว้าทีมชนะถ้วยรางวัลมาได้ 38 ใบในฐานะผู้จัดการทีม ฟุตบอลแมนยู สามารถชนะพรีเมียร์ลีก 13 สมัย ก่อนที่จะเกษียณตัวเองในช่วงปี 2013 นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอล ที่มีผู้สนับสนุนเยอะมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก จึงทำให้มีคู่แข่งอีกมากมายทั้งทีมลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี้, อาร์เซนอลและลีดส์ยูไนเต็ด รวมไปถึงรายได้สูงสุดของสโมสรแมนยู ในช่วงฤดูกาล 2016-17 ด้วยรายได้ต่อปีที่มีจำนวนมากกว่า 676.3 ล้านยูโร
ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงเป็นอันดับสามของโลกในปี 2019 รวมมูลค่าทั้งหมด 3.15 พันล้านปอนด์ ต่อมาสโมสรก็เป็นเครื่องหมายการค้าฟุตบอล ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกภายในปี 2015 หลังจากที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้ในช่วงหนึ่งของ สโมสรแมนยู ได้กลับมาเป็นบริษัทเอกชนจากการที่ มัลคอม เกลเซอร์ ได้เข้ามาซื้อกิจการต่อในช่วงปี 2005 ด้วยมูลค่าเกือบถึงแปดร้อยล้านปอนด์ ทำให้ในภายหลังหุ้นบางส่วนถูกขาย แม้ว่าเกลเซอร์จะยังมีบทบาทและเป็นเจ้าของสโมสรก็ตาม
สโมสรฟุตบอลแมนยู ยุคแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ความก้าวหน้า สโมสรแมนยู
สโมสรฟุตบอลแมนยู สโมสรได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1878 ในช่วงแรกก็ยังไม่ได้มีการลงแข่งอย่างจริงจัง จนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 1880 ได้มีการแข่งขันนัดแรกที่มีการบันทึกสถิติไว้ ซึ่งได้สวมเสื้อสีเขียวและสีทองทำให้นัดนั้น พวกเขาต้องพ่ายให้ทีมสำรองของ โบลตันวอนเดอเรอส์ ด้วยผลประตู 6-0 ในเวลาต่อมาทาง สโมสรแมนยู ก็ได้เป็นสมาชิกการก่อตั้งเดอะคอมบีเนชั่น ลีกฟุตบอลระดับภูมิภาคในช่วงปี 1888 แต่สุดท้ายก็ได้มีการยุบลีกไปในฤดูกาลเดียว
ตามรายงานของสื่อ thailandfootballhd.com ต่อมาในช่วงมกราคม 1902 สโมสรติดหนี้เป็นเงินจำนวน 2,670 ปอนด์ หากเทียบกับตอน 2020 จะมีค่าเท่ากับสองแสนเก้าหมื่นปอนด์ จนมีคำสั่งให้เลิกกิจการและกัปตันทีมอย่างแฮร์รี สแตฟเฟิร์ด ต้องไปพบกับนักธุรกิจสี่คนและทำให้จอห์น เฮนรี เดวีส์ที่เข้ามาเป็นประธานสโมสรแมนยู ในภายหลังและทุกคนยินดีจะช่วยเหลือ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในการบริหาร ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อสโมสรในภายหลัง จึงทำให้ในช่วงเดือนเมษาของปี 1920 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็ได้กำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
ภายในเวลาต่อมาในช่วงเดือนตุลาคมปี 1945 การแข่งขันพร้อมกับการแต่ตั้ง โค้ชแมนยู คนใหม่เข้ามารับตำแหน่งและเป็นยุคของ แมตต์ บัสบี ซึ่งเขาเป็นโค้ชคนเดียวที่เรียกร้องสิทธิ์ การคุมทีมสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนักเตะและซื้อขาย รวมไปถึงการฝึกซ้อมและบัสบีพาทีจบอันดับสองในลีก รวมถึงการชนะเฟิสต์ดิวิชันเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี พวกเขาได้ชนะสองสมัยติดต่อกันในปี 1956-1957 ซึ่งนักเตะชุดนั้นของ สโมสรแมนยู มีอายุเฉลี่ยเพียง 22 ปีเท่านั้น
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาของสโมสร ก่อนจะก้าวเข้าสู่ยุคของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในวันเดียวกัน ที่แอตกินสันถูกปลดออกจากตำแหน่ง แม้ว่าทางทีมจะจบอันดับที่สองของลีกในฤดูกาล 1987-88 แต่ในฤดูกาลถัดมาสโมสรแมนยู ก็ยังคงจบอันดับที่ 11 เท่าเดิมและมีรายงานว่าเฟอร์กูสันจะถูกไล่ออก ก่อนที่ในช่วงเวลาของปี 1990 ทีมแมนยู ก็ได้เอาชนะในเอฟเอคัพและอยู่เหนือ คริสตัลพาเลซในนัดชิงที่แข่งใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่เคยเสมอกันไป 3-3 ทำให้เฟอร์กูสันได้ทำหน้าที่ต่อไป โดยฤดูกาลถัดมาทาง สโมสรแมนยู ก็ชนะยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพเป็นสมัยแรก ทำให้ได้เข้าร่วมการแข่งยูฟ่าซูเปอร์คัพ ซึ่งสามารถเอาชนะเรดสตาร์ เบลเกรด 1-0 ในการแข่งรอบชิงชนะเลิศที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 ได้ชนะลีกอังกฤษเป็นสมัยที่ 17 ก่อนจะว่าดับเบิลแชมป์ในยูโรเปียนลีก ด้วยการยิงลูกโทษที่ชนะเชลซีไป 6-5 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดชิงในปี 2008
โดยมีไรอัน กิกส์ ที่ได้ลงเล่นเป็นนัดที่ 759 ให้กับสโมสรในครั้งนี้ ทำลายสถิติการลงแข่งมากที่สุดให้กับทางสโมสรแมนยู ที่ตำนานนักเตะอย่างบ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้เคยทำไว้และในเดือนธันวาคม 2008 สามารถชนะฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รวมไปถึงฟุตบอลลีกคัพฤดูกาล 2008-09 นอกจากนี้ยังชนะพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน ในช่วงฤดูร้อนของปี 2009 ได้มีการขาย ผู้เล่น แมนยู ชื่อดังอย่างเช่นคริสเตียโน โรนัลโด ให้เรอัลมาดริดด้วยค่าตัวสถิติโลกมากถึง 80 ล้านปอนด์
สโมสรทีมฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ประวัติเกี่ยวกับสนามและตราสโมสร
สโมสรทีมฟุตบอล ตราสัญลักษณ์ของทีมมาจากตราประจำสภา ซึ่งได้อยู่ในนครแมนเชสเตอร์และส่วนที่ยังคงอยู่ จากตราดั้งเดิมที่ปรากฏในปัจจุบันคือเรือใบเต็มลำ พร้อมกับรูปปีศาจที่ได้มาจากฉายา สโมสรแมนยู ซึ่งได้ถูกเรียกในปัจจุบันว่า ปีศาจแดง อย่างไรก็ตามตรานี้ยังไม่ปรากฏบนอกเสื้อจนถึง 1971 หลังจากมีการเปลี่ยนชื่อของสโมสรในปี 1902 สีชุดแข่งก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อสีแดงกางเกงสีขาว จนได้กลายเป็นชุดเหย้ามาตรฐานของทีม
พร้อมได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจนถึง 1922 ได้มีการนำเสื้อสีขาวและมีสีแดงเข้มเป็นตัว วี รอบคอและคล้ายกับชุดในเอฟเอคัพรอบชิงในปี 1909 นอกจากนี้ในช่วงเวลาของปี 1934 เสื้อชุดเหย้าได้มีการเปลี่ยนเป็นลายขวางสลับขาว แต่ในฤดูกาลต่อมาก็ได้นำเอาเสื้อสีแดง กลับมาใช้อีกครั้งหลังจากสโมสรแมนยู จบอันดับที่ 20 ทำให้ในช่วงฤดูกาล 2018-19 กางเกงสีดำและถุงเท้าสีแดงกลายเป็นชุดเหย้า โดยมีความต้องการเพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็น ซึ่งยังเป็นจุดขายที่ทำให้จดจำ นักเตะแมนยู ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
หลักจากที่ทางสโมสรแมนยู ชนะลีกสมัยแรกในช่วงปี 1908 พร้อมกับได้ชนะเลิศเอฟเอคัพในปีต่อมา มีความเห็นของผู้บริหารว่าแบงก์ตรีตนั้นเล็กเกินไป สำหรับความต้องการของผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีสนามเหย้าแห่งใหม่และถูกเรียกว่า โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งได้มีการซื้อสนามด้วยราคาหกหมื่นปอนด์ พร้อมกับในช่วงเวลานั้นแผนดั้งเดิมคือการสร้าง สนามที่สามารถมีความจุได้มากถึง 100,000 ที่นั่ง แต่งบประมาณที่ถูกจำกัดทำให้เหลือ 77,000 ที่นั่ง
โดยสำหรับสถิติที่เคยถูกบันทึกไว้ ว่ามีผู้เข้าชมสูงสุดของสนามแห่งนี้เมื่อมีนาคม 1939 ในการแข่งขันเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศที่ วูลฟ์แฮมปตันได้มาพบกับกริมส์บีทาวน์ โดยมีผู้เข้าชมมากถึง 76,962 คน ซึ่งในตอนนั้นได้อยู่ในความดูแลของ วอลเทอร์ คริกเมอร์ โค้ชแมนยูเก่า นอกจากนี้การเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ได้สร้างความเสียหายให้กับสโมสรแมนยู ซึ่งทำให้อุโมงค์กลางในอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลือในสนามและหลังสงคราม สโมสรได้รับค่าซ่อมแซมจากคณะกรรมาธิการ เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 22,278 ปอนด์
อย่างไรก็ตามการเปิดสนามใช้งานอีกครั้งในปี 1957 โดยมีข้อกำหนดของเทย์เลอร์รีพอร์ต ได้กำหนดไว้ว่าสนามต้องติดตั้งเก้าอี้ให้ครบทุกที่นั่ง ทำให้ความจุของโอลด์แทรฟฟอร์ดลดลงมาเหลือ 44,000 ที่นั่ง ต่อมาภายในปี 1995 อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือของ สโมสรแมนยู ได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นแบบสามชั้น ทำให้ความจุของสนามเพิ่มขึ้นเป็น 55,000 ที่นั่งต่อมาในช่วงหลังจบฤดูกาล 1998-99 ซึ่งยังเป็นยุคของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ยังดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทีมแมนยู ได้ปรับปรุงและทำให้ความจุของสนามเพิ่มขึ้นเป็น 67,000 ที่นั่ง